
EP 01/10
EP02/10
EP03/10
EP04/10
EP05/10
EP06/10
EP07/10
EP08/10
EP09/10
EP10/10
หนังสุดฮิต No More Bets ทำเอาคนจีนกว่า 80% ไม่กล้ามาเที่ยวอาเซียน
แชร์บอร์ด ข่าววันนี้ โพสท์โดย อ้ายเติ่ง
นี่คือ หนึ่งในหนังจากจีน ทำมาเพื่อจงใจบิดเบือน และไม่ยอมพูดถึงเรื่อง ขบวนการจีนเทา ในประเทศไทย ที่ซึ่งมีเส้นสายกับคนในรัฐบาลจีน แถมยังอุ้มรีดไถคนจีนด้วยกันเองอีก และยังมาค้ายาเสพติดในไทย จนเกิดกรณี “หญิงจีนเสียชีวิต และเกี่ยวข้องกับ ผับจินหลิน ในไทย”
แต่กลับกล่าวหาว่าประเทศอาเซียนนั้นอันตรายสำหรับคนจีน ทั้งๆที่เหตุแห่งหายนะทั้งหลายล้วนเกิดมาจากความเลวทรามของขบวนการจีนเทาที่เผยแพร่ความชั่วร้ายดั่งโรคระบาดให้กับประเทศอื่นแท้ๆ
กระแสด้านลบตั้งแต่ต้นปีนี้ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอาเซียนที่ดังบนสื่อโซเชียลมีเดียในประเทศจีน เริ่มส่งกระทบอย่างมากกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง
ภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ครึ่งปีแรกมีเพียง 1.4 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนสถานณ์โควิด 19 ที่มีถึง 11 ล้านคน จึงลดลงเป็นอย่างมาก
เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ครึ่งปีมีนักท่องเที่ยวจีนเพียง 1.1 แสนคน
ภาพยนตร์ ”โน มอร์ เบ็ท” นำเสนอประเด็นบนเรื่องราวของคนวัยหนุ่มสาวที่ตั้งความหวังจะมาทำงานการายได้ และเก็บเงินให้มากที่สุดในต่างประเทศ แต่กลับโชคร้ายต้องกลายเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ รวมถึงเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซนเตอร์ ในที่สุดตัวละครในภาพยนตร์ดังกล่าวถูกจับตัวไปเป็นหนึ่งในสมาชิกในแก็งค์หลอกลวงทางออนไลน์ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในประเทศเมียนมา
ความกังวลและความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในหมู่ชาวจีนเป็นวงกว้างหลังจากได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้กระทบต่อชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังวางแผนจะเดินทางมาท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมักจะได้บินการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศบ่อยครั้งว่า ขบวนการค้ามนุษย์ที่กระทำผ่านการหลอกลวงทางโลกออนไลน์นั้น มักมีฐานที่ตั้งในประเทศที่อยู่ในกลุ่มอาเซียน การสร้างกระแสอย่างมากมายยังเกิดขึ้นจากผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ใช้สโลแกนในการโฆษณาว่า “ผู้ชม 1 คน เหยื่อฉ้อโกงลดน้อยลง 1 คน”
เว่ยปั๋ว (Weibo) หรือเหว่ยโป่ว ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยผลสำรวจพบว่าชาวจีนตอบแบบสอบถามจำนวน 48,000 ราย หรือ 89% จาก 54,000 ราย ไม่ต้องการไปเมียนมา เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย ที่สำคัญ พบว่า ชาวจีนผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 85% จะไม่พิจารณาเดินทางไปอาเซียน เหตุผลด้านความปลอดภัยเช่นกัน.
กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที หลังจากบรรดา ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ซึ่งเป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย อยู่ดีๆ ก็เริ่มชะลอการมาท่องเที่ยวยังโซนอาเซียน
แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งก็คงมาจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศจีนเอง ที่รัฐบาลพยายามจูงใจให้เที่ยวภายในประเทศ
แต่อีกส่วนหนึ่ง ดูเหมือนจะมาจากอิทธิพลของภาพยนตร์เรื่อง ‘No More Bets’ ที่ทำรายได้ถล่มทลายทั่วเมืองจีน แต่ด้วยเนื้อหาที่เล่าถึงการค้ามนุษย์และหลอกคนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชมชาวจีนจนไม่กล้ามาเที่ยวในละแวกนี้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น!!
‘No More Bets’ ภาพยนตร์แอ๊กชันอาชญากรรมสุดระห่ำเข้าฉายในจีนตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ส.ค. และสามารถครองอันดับหนึ่งบนตารางหนังทำเงินได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย มาพร้อมกับสโลแกน โปรโมตภาพยนตร์ว่า “หนึ่งคนดู ลดเหยื่อถูกโกงหนึ่งคน”
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคดีที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเล่าถึงเรื่องคู่รักชาวจีนที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานต่างประเทศ เพราะจะได้ค่าตอบแทนสูง แต่พอไปถึงกลับต้องอยู่โรงงานนรกในเมียนมา และทั้งคู่ถูกกักขังและต้องทำงานหลอกลวงผู้อื่น จนต้องหาทางหลบหลีกจากโรงงานค้ามนุษย์แห่งนี้ให้ได้
แน่นอนว่าตัวหนังมีความสอดคล้องกับกระแสข่าวในเมียนมาและกัมพูชาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากทั้ง 2 ประเทศ ถูกมองในฐานะประเทศฐานที่มั่นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฉ้อโกงออนไลน์ และขบวนการค้ามนุษย์มาโดยตลอด
จากรายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ที่พึ่งเผยแพร่ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า มีคนอย่างน้อย 120,000 คนในเมียนมา และประมาณ 100,000 คนในกัมพูชา ถูกหลอกและบังคับให้ทำงานหลอกลวงประชาชน ด้วยการเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เล่นพนันออนไลน์
ลุกลามเทือนเพื่อนบ้าน!!
ที่น่ากังวล คือ ในขณะที่ 2 ประเทศดังกล่าวถูกมองในสถานะที่กล่าวมา ก็พาประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดนหางเลขไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ลาว, ฟิลิปปินส์ และไทย ในฐานะของประเทศที่กลายเป็นทางผ่านของเหยื่อในขบวนการค้ามนุษย์หลายหมื่นคน
กระแสจากหนัง ฝังใจคนจีน ตีจากอาเซียน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Straits Times ได้เคยรายงานไว้ว่า หลังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘No More Bets’ เข้าฉาย ส่งผลให้ชาวจีนไม่กล้ามาเที่ยวเมียนมาและกัมพูชา เพราะกลัวจะตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์
…และจากกระแสของหนังนี้เอง ก็ลุกลามไปถึงชาวจีนที่มีความกังวลด้านความปลอดภัยต่อการมาเยือนอาเซียน ซึ่งรวมถึงไทยด้วย พร้อมตั้งคำถามผ่านโซเชียลมากมาย อาทิ…
“ถ้าฉันไปเที่ยวที่โน่น ฉันไม่คิดว่าจะสามารถเดินทางกลับมาโดยปลอดภัย”
“สถานทูตจีนในเมียนมาออกเตือนด้วยว่า เราไม่ควรสนใจประกาศรับสมัครงานออนไลน์ที่มีเงินเดือนสูงเกินจริง หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายที่นั่น”
“ก่อนปิดเทอมที่ผ่านมา ลูกชายชวนเพื่อนมาเที่ยวเมืองไทย แต่เขาบอกว่าอ่านข่าวมีทุนจีนสีเทา มีการจับไปเรียกค่าไถ่เอย เลยไม่กล้ามา เลยบอกลูกชายให้ไปบอกเพื่อนเข้าไว้”
“เรื่องจับเรียกค่าส่วนใหญ่ ไม่เกี่ยวกับไทย เพราะจะเป็นคนจีนจับคนจีนไปเรียกค่าไถ่ โดยเหยื่อจะเป็นนักศึกษาจีนที่มาเรียนในไทยหรือพวกนักธุรกิจจีนที่มาทำธุรกิจที่ไทย และพวกนี้เขาจะรู้กันเองว่าคนไหนรวย ยังไม่มีนักท่องเที่ยวที่เป็นเหยื่อในคดีพวกนี้ แต่นั่นแหละการมาไทยจึงเป็นสิ่งที่ต้องระวัง”
“จริงๆ เรื่องการจับเรียกค่าไถ่นี่ ฟิลิปปินส์หนักกว่าที่ไทยเยอะ และเป็นคนท้องถิ่นเองที่มุ่งจับคนจีนไปเรียกค่าไถ่ เพราะเข้าใจว่าคนจีนรวยทั้งนั้น อย่างลูกชายที่ไปเป็นล่ามแปลให้นักธุรกิจจีน เขาก็ลงทุนในฟิลิปปินส์เหมือนกัน เขาบอกที่นั่นอย่างเมืองของพวกมาเฟีย ตกดึกออกข้างนอกไม่ได้ อยู่ที่นั่นต้องจ้างบอดี้การ์ด เขาบอกเมืองไทยปลอดภัยกว่าเยอะ”
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวที่เริ่มแพร่กระจายไปสู่คนจีนมากขึ้น จนเริ่มไม่กล้ามาท่องเที่ยวอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น คงเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาล หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว คงต้องรีบไหวตัว ประชาสัมพันธ์ถึงความเชื่อมั่นของไทย และถ้าส่วนไหนที่ทำให้เกิดความกังวล เช่น กลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างๆ ก็ควรต้องเร่งสะสางให้สิ้น

